การสวดมนต์ก่อนนอนให้ได้บุญมาก

Posted By on January 3, 2013

การสวดมนต์ก่อนนอนให้ได้บุญมาก

ส่วนตัวผมว่าจะสวดยังไงก็ได้นะครับ ขอให้มีสมาธิจิตใจสบายๆ เเค่นี้ก็น่าจะดีเเล้วครับ

อันนี้ไปเจอบทความน่าสนใจมาครับลองอ่านดูนะครับพี่น้อง

ที่มา http://www.banloktip.com/webboard/index.php?topic=179.0

ผมขอเว้นวรรคเรื่องของสัมภเวสี “มะ” ไว้ก่อนเพราะมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการสวดมนต์ที่ถูกต้องและคำถามนี้เป็นคำถามที่ผมถนัด เพราะผมศึกษาพร้อมปฏิบัติด้วยศรัทธาอย่างแน่วแน่จึงได้รับพุทธคุณเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งครับ มีหลายคนที่ตั้งคำถามนี้กับผมและผมก็ขอยืนยันอย่างเต็มอกเลยว่า การสวดมนต์ที่ถูกต้อง จะส่งผลในทันทีที่ท่านกำลังสวดเสร็จ ไม่ต้องรอผลในวันอื่นเลย ผลเขาเกิดขึ้นเลยครับ


เมื่อก่อนผมสวดมนต์ไม่เป็นครับ กรวดน้ำก็ไม่เป็น ต่อเมื่อสัมภเวสี “มะ” ได้มีส่วนชี้นำให้ผมได้ศึกษาคำสอนของ อาจารย์ดร.แม่ชีทศพร ผมจึงไม่รีรอ ผมมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่และเริ่มศึกษาคำสอนของอาจารย์แม่ชีใหญ่และในที่สุด ผลจากความเพียรพยายามสวดอย่างถูกวิธี อธิฐานอย่างถูกหลักทำให้ผมพบแต่คนดี ไม่ถูกเบียดเบียน สิ่งที่จะได้ก็ต้องได้ไม่หลุดหายไป หนี้สินหดหายอย่างไม่น่าเชื่อ และได้ลาภก้อนใหญ่หลายครั้ง ซึ่งกล่าวได้ว่า ผมเริ่มสวดเพียง 6 เดือนชีวิตผมได้เปลี่ยนจากที่ตกต่ำกลายเป็นคนมีทรัพย์ขึ้นมา ผมจึงขอยืนยันเท่าอาจารย์ผมล้านเปอร์เซนต์ครับ เพียงใช้เวลาวันละ 10 นาที ชีวิตเปลี่ยนจริง ๆ สมดังที่หนังสือของท่านอาจารย์ดร.แม่ชีทศพรได้กล่าวไว้ครับ
อย่างแรก “ต้องสมาทานศีลห้าทุกวัน เวลาไหนก็ได้ แต่ผมจะทำก่อนนอนเพราะศีลจะครอบคลุมเราเป็นเกราะให้เราตลอดทั้งวันทั้งคืนที่เราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ถึงศีลขาดไปหนึ่งข้อแต่อีกสี่ข้อก็ยังค้ำจุนให้เรามีศีลอยู่ และพุทธคุณของศีลนี้จะส่งผลให้เราเจอแต่สิ่งดีงามตลอดทั้งวัน ไอ้ที่จะมาร้ายก็กลายเป็นเบาหรือจางหายไป เพียงแต่ “เรารู้ตัวกันรึเปล่า” ว่าพุทธคุณสำแดงแล้ว
หลักการสวดมนต์ เราต้องสมาทานศีลห้าก่อนสวดบทอื่นใดในโลกนี้เพราะการสมาทานศีลห้าจะเป็นการกรองเสียงให้เป็นทิพย์ก่อนแล้วเราจึงสวดบทอื่นได้หมดทุกบท เหมือนการจะออกไปติดต่อการงานกับใคร ถ้าเราอาบน้ำแต่งตัวให้สะอาดสวยงาม เราจะได้รับการต้อนรับที่ดีเพราะเขาเห็นเรามีสง่าราศี ไม่ใช่มอมแมมเข้าไปใครเขาก็หนีครับ
หลักการอีกอย่างคือการสวดด้วยเสียงที่ดังมีพลัง การสวดมนต์ไม่ใช่การภาวนา เราจึงต้องเปล่งเสียงให้ดัง ฟังชัด ให้เทวดา นางไม้ เจ้าที่ ฯลฯ ได้ยินและมาร่วมโมทนาบุญกับเรา เราต้องมั่นใจในพลังที่ออกจากน้ำเสียงของเรา เสียงที่เปล่งไปนั้นสามารถดังไปทั่วสวรรค์ครับ คำว่าดังมันเหลื่อมกันนิดนึงนะ ความดังของเสียงผมเกิดจากความศรัทธา มิได้เกิดจากเสียงผมดังเป็นนกแก้วนกขุนทอง กราบไหว้พระก็ต้องเบญจางคประดิษฐ์ให้สวยงามนิ้วโป้งแตะหว่างคิ้ว พอก้มหน้าผากให้แตะถึงพื้นไม่ใช่ทิ่มหัวลงไปเป็นคนไม่มีศรัทธา อย่างนี้บุญที่ได้จะไม่ละเอียดเท่าคนที่เขาทำอย่างประณีตครับ (ทำทั้งทีอย่ามองข้ามครับ คนเราต้องฝึกแต่เรื่องละเอียดอย่าหวังทำแต่สิ่งใหญ่ ๆ แต่มันหยาบครับ)

บทสมาทานศีลห้า ของอาจารย์แม่ชีใหญ่

คำบูชาพระ
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ (สวดคนเดียวลงด้วย “มิ” แต่สวดหลายคนเปลี่ยนเป็น “มะ”)
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

คำนมัสการพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ…ต้องกราบให้ประณีตศรีษะติดพื้นนะครับไม่ใช่รีบก้มรีบเงย)
สะวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

คำอาราธนาศีล 5
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ

คำนมัสการพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

ไตรสรณคมณ์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(หากใครจะสวดเพิ่มศีลข้ออื่นย่อมดีไม่มีปัญหาครับ)

คำขอขมาพระรัตนตรัย
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ

หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่านได้โปรดงดเว้นโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

คำแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง (การที่เราจะแผ่เมตตาให้ใคร ให้จดจำเสมอว่า เราต้องให้เราก่อน เมื่อเรามีบุญเราจึงให้คนอื่นได้ครับ)
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากทุกข์
อะหัง อเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความลำบาก
อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากอุปสรรค
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ จงรักษาตนให้มีความสุขตลอดกาลนานเทอญ

คำแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น (พอขึ้นสัพเพ สัตตา วิญญาณของสัตว์ที่เรากินไปในแต่ละวันก็จะไปเกิดในทันทีไม่เกาะตามเนื้อตัวเราแล้วครับ)
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (บทนี้ขอให้ปัญญาทางธรรมจงเกิดกับเรา ขาดไม่ได้เช่นกันครับ)
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ

เสร็จแล้วจึงขอพระกรรมมัฏฐานแล้วนั่งสมาธิสั้น ๆ อย่านั่งนานหากไม่แน่จริง เพราะว่าในช่วงทำวิปัสสนาสมาธินั้น ห้าม ห้าม ห้ามอย่างเด็ดขาดที่จะส่งจิตไหลออกนอก ไปคิดถึงศัตรู ไปคิดถึงลูกถึงสามี คิดถึงงาน ตรงนี้ส่งผลเสียมากครับ สรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจก่อนว่า พระพุทธเจ้าไม่สอนให้เรานั่งแล้วคิด เราต้องทำเพียงให้รู้กายใจ โดยการตามดูสภาวะธรรม ความจริงตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น ท้องมันพอง เราก็ตามรู้ว่าพอง ท้องมันยุบเราก็ตามรู้ว่ามันยุบ เมื่อปวดข้อ ปวดขาก็ให้ตามรู้ว่าหนอ อย่าขยับตัวเด็ดขาด ดังนั้น ให้นั่งเพียงระยะสั้น ๆ ในช่วงแรกก่อน แต่ถ้าจิตมันไหลออก ให้กลั้นหายใจเลย จิตมันหายไม่ออกมันกลับมาเอง คำทุกคำที่ผมอธิบายตรงนี้ ถึงจะสั้น แต่ให้จับใจความให้เข้าใจ อย่าอ่านข้ามครับ ทุกคำมีความหมายและต้องเข้มงวด คือถ้าปฏิบัติผิดเช่นส่งจิตออกนอก มันส่งผลให้เกิดทุกข์ตามมาหลังจากถอนสมาธิครับ เอาหละตรงนี้ผมขอให้ท่านขึ้นกองกรรมมัฏฐานของหลวงพ่อโอภาสีต่อเลยครับ

คำสมาทานขอพระกรรมฐาน (สวดบทนี้ต่อเลยหลังจากสมาทานศีลแล้วจึงนั่งสมาธิ)

ข้าพเจ้าขอกราบไว้พระพุทโธ พระธรรมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า (3 จบ กราบให้ประณีต ศรีษะแตะพื้นครับ )

บูชาพระ
อุกาสะ อุกาสะ ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา รูปนามและชีวิต พร้อมไปด้วยความปฏิบัติ ทั้งภายในและภายนอก
ขอบูชาแก่ พระโพธิญาณ พระพุทธัง พระธรรมมัง พระสังฆัง ขอให้พระแม่ธรณีจงมาเป็นทิพยญาณ ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดน่ะพระเจ้าข้า นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ (กรณีที่ท่านไม่มีดอกไม้ธูปเทียนก็ให้ท่านตัดคำว่า “ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา”ออกไปครับ)

อาราธนาพระ
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขออุปจาระวิถี พระอัปปนาระวิถี พระสมาธิโลกุตระ พระธรรมเจ้า
ข้าพเจ้าจะขอเข้าในห้องพระขุทกาปิติเจ้า พระขณิกาปิติเจ้า พระโอกันติกาปิติเจ้า พระอุเพ็งคาปิติเจ้า พระผรณาปิติเจ้า อันบังเกิดแก่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกกะโพธิเจ้า พระอรหันตาเจ้า ที่ล่วงเข้าสู่นิพพานไปแล้วมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทร ทั้ง 4 ตันติประเพณีอันบังเกิดแก่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกกะโพธิเจ้า พระอรหันตาเจ้าทั้งหลายมีฉันท์ใดๆก็ดี ขอพระธรรมเจ้า จงมาบังเกิดให้กว้างขวาง ในขันธ์ทั้ง 5 แห่งข้าพเจ้าในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
พระพุทธคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
พระธรรมคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
พระสังคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ

วิรัติศีล
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้า จะขอถือสัตย์รับศีลแก่พระโพธิญาณ จะขอรับเอาพระสมาธิมาเป็นธงชัย จะระลึกถึงพระพายมาเป็นอารมณ์ กายอย่างหนึ่ง วาจาอย่างหนึ่ง มะโนอย่างหนึ่ง จะไม่ให้เป็นกรรมแก่สัตว์และมนุษย์ทั้งหลายด้วย ข้าพเจ้าจะไม่นิยมไปด้วยมูตรและคูตสัมผัสถูกต้องรูปเสียงกลิ่นรส โภชนาอาหารน้ำฉัน และน้ำชาพระให้พิจารณาเป็นของปฏิกูลเปื่อยเน่า ไปทั้งสิ้น เครื่องไม่จีรังนี้ เป็นของพญามัจจุราช ที่ได้หล่อหลอมรูปมาตั้งแต่เอนกชาติ รูปนี้แตกดับไป จะขอวางซากอสุภะนี้ไว้เหนือพื้นปฐพี ส่วนนามธรรมของพระนี้ ขอให้แม่พระธรณี จงมาช่วยแบกหาม อุดหนุนค้ำจุน ข้ามส่งองค์พระพาย จะเสด็จเข้าไปในโลกใหญ่ ขอให้เป็นสุขในห้องพระนิพพาน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

เสี่ยงพระบารมี
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขอเสี่ยงนะพระบารมี ขอให้แม่พระธรณี นำเอาบารมี 30 ทัศน์ ของข้าพเจ้า ข้ามส่งให้ถึงหนทางพระนิพพาน ที่ทำการของพระในครั้งนี้ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
พอท่านขึ้นกองกรรมมัฏฐานเสร็จแล้วให้นั่งสมาธิต่อเลย เมื่อถอนสมาธิแล้วให้ท่านกรวดน้ำโดย”ไม่ใช้น้ำจริง” ดังนี้ครับ

บทกรวดน้ำ (ไม่ต้องใช้น้ำ)

“พระจัตตุโลก พระยมกทั้งสี่ ขอส่งน้ำอุทิศนี้ เข้าไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็นที่ประชุมการใหญ่ ของแม่พระธรณี ขอให้แม่พระธรณี จงมาเป็นทิพย์ญาณ เป็นผู้ว่าการในโลกอุดร ขอให้แม่พระธรณีจงนำเอากุศลผลบุญของข้าพเจ้า ที่ได้กระทำในวันนี้ นำส่งให้แก่ข้าพเจ้า ในกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้แก่สรรพสัตว์ที่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ และขอถวายเป็นปฏิบัติบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยเจ้า พระอริยสงฆ์ และพระปัจเจกโพธิเจ้า พระอรหันตเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ บิดา มารดา ตระกูลพ่อ ตระกูลแม่ ตระกูลพี่ กระกูลน้อง ตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย จงนำและได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำในครั้งนี้ ขอให้บุคคลที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ทั้งในภพนี้และในภพที่เคยผ่านมา จงได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำ เมื่อได้รับอานิสงส์แล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้แก่ข้าพเจ้าพร้อมทั้งครอบครัวข้าพเจ้า ทั้งตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ตระกูลพี่ ตระกูลน้อง
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พระราชาพระมหากษัตริย์ เศรษฐี มหาเศรษฐี ที่สืบสานพระศาสนาตั้งแต่พุทธกาลจนถึงปัจจุบัน มีพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าอโศกมหาราช พระราชามหากษัตริย์ไทย มีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และวีรกษัตริย์ทุกๆ พระองค์ อันได้แก่ สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ฯลฯ
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ จตุสดมภ์ทั้ง 4 ขุนเวียง ขุนวัง ขุนคลัง ขุนนา ท่านแม่ทัพนายกอง หัวหมู่ ขุนพล ทหารหาญทั้งหลาย ข้าทาสบริวาร ครูหมัด ครูมวย ครูหอก ครูดาบ ครูศาสตราวุธ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทุกกรมกอง
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระแม่ธรณี แม่พระคงคามหาสมุทร แม่พระโพสพ แม่พระเพลิง แม่พระพาย เจ้าทะเล เจ้าบาดาล เจ้าพิภพ
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สุริยจักรวาล มีพระอาทิตย์ พระจันทร์
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัตตะโลหะ นวโลหะ รัตนชาติ แร่ธาตุทั้งหลาย ช้างศึก ม้าศึก ช้างเสบียง ม้าเสบียงทั้งหลาย วัว ควายทั้งหลาย หมูเห็ด เป็ดไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งสัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั้งหลาย สัตว์ปีกทั้งหลาย สัตว์ปีนป่ายทั้งหลาย สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย สัตว์ในไข่ทั้งหลาย สัตว์ในครรภ์ทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าเข่นฆ่าก็ดี บริโภคก็ดี อยู่ในเนื้อ อยู่ในหนัง อยู่ในกระดูก อยู่ในตับ ไต ไส้พุง อยู่ในทั้งหมดอาการ 32 ของตัวข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัมมาอาชีพและปัจจัยสี่ของข้าพเจ้าที่ได้มีกินมีใช้ ขอให้สัมมาอาชีพจจงได้รับอานิสงส์ผลบุญนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พยัญชนะ ตัวอักษรทุกภาษาในโลกนี้ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด จงมีส่วนในบุญของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ทรัพย์ของแผ่นดิน ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ดวงจิตดวงวิญญาณ ทั้งหลายที่เคยจะเกิดมาเป็นลูกเป็นหลานแล้วไม่เกิด จงได้รับในบุญกุศล และจงเว้นจากการจองเวร
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ดวงจิตของข้าพเจ้าที่เคยตกหล่นเป็นกรรมอยู่ในนรกภูมิที่อยู่ทุก ๆ ขุมนรกจงหลุดพ้นจากอุปกรรม วิบากกรรม เคราะห์กรรม ด้วยกุศลในครั้งนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ เชื้อโรคเชื้อรา เชื้อร้าย เชื้อมะเร็งทั้งหลาย เชื้อไวรัสทั้งหลาย เชื้อโรคทั้งหลาย จงมีส่วนได้รับในบุญกุศลนี้ และโรคร้ายทั้งหลายขออย่าพึงมี อย่าได้เกิดกับลูกหลานข้าพเจ้า จงหยุดที่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ตั้งแต่นรกภูมิ อบายภูมิ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย อสูรกายทั้งหลาย ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน นรกทุกชั้น นรกทุกขุม ทุกภูมิ สัมภเวสีทั้งหลาย ทั้งที่เป็นญาติ และไม่ใช่ญาติ ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ที่รู้จักก็ดี ที่ไม่รู้จักก็ดี ที่เอ่ยถึงก็ดี ไม่เอ่ยถึงก็ดี ที่ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ทั้งที่มีกาย และไม่มีกายทั้งที่มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม่มีธาตุ จงรับเอาส่วนกุสลที่ได้กระทำในครั้งนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระอินทร์ พระพรหม พระยายม พระยายักษ์ พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อเจตคุป เจ้าพ่อหอกลอง ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวทศรถ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พญาครุฑ พญานาค พญาอนันตนาคราช พญางู พญาเงือก พญาหนุมาน พญาเสือ พญาสิงห์ พญาเต่า พญาจระเข้ พญาปลาไหล พญาตะขาบ พญาแมงป่อง ปู่ฤาษีทั้ง 108 พระองค์ ปู่อินตา ครูยา หมอยา เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าที่ที่บ้าน เจ้าที่ที่ทำงาน รุกขเทวดา นางไม้ทั้งหลาย
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ธนบัตร ทุกสกุลเงินตรา ของโลกนี้ที่เป็นทรัพย์ภายนอก จงได้รับในกุศลผลบุญของข้าพเจ้า
กรรมใดก็ดีที่ข้าพเจ้าเคยมีกรรมต่อทรัพย์ของแผ่นดิน คนของแผ่นดิน ทำผิดเป็นถูก ทำถูกเป็นผิด และกรรมใดที่ข้าพเจ้าเคยสร้างกรรมกับผู้ใดไว้ ไม่ว่าอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติไม่ว่ามนุษย์และสัตว์ ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายที่ข้าพเจ้าเคยสร้างเวรสร้างกรรมต่อท่าน จงได้รับอานิสงส์ผลบุญของข้าพเจ้า เมื่อได้รับผลบุญของข้าพเจ้าแล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดเปลื้องกรรม งดเว้นการจองเวรและขอดวงจิตที่เกิดในภพนี้ ชาตินี้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ด้วยกุศลในคราวครั้งนี้ด้วยเทอญ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ”

ถามว่าท่านเคยกรวดน้ำแห้งด้วยคำเหล่านี้รึเปล่าครับ ถ้าไม่ ให้ท่านอธิฐานตามด้านบน ท่านจะพบว่าท่านมีอาการแปลก ๆ เช่นขนลุก ขนพอง อาการอิ่มเอิบในบุญ หลายคนมีดวงจิตละเอียดต่างกัน แล้วแต่ว่าจะออกมาในรูปไหนครับ

ทุกวันอาทิตย์ เวลา 9 โมงเช้า ที่วัดพิชัยญาติ แม่ชีใหญ่ท่านจะถวายมหาสังฆทาน และกรวดน้ำบทรวมใหญ่ ทุกคนในวัดเขาจะหยุดทำกิจกรรมและฟังเสียงตามสายและกรวดน้ำตามแม่ชีใหญ่ ผมขอเชิญท่านไปทีวัดพิชยญาติท่านจะสัมผัสได้ถึงอาการปีติที่เกิดเพราะที่วัดนี้เขาศักดิ์สิทธิ์มากก็ต้องลองมาหละครับถึงจะทราบ

ในส่วนตัวผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงทีเดียว การจะให้ผมเชื่อในสิ่งใดนั้นเป็นเรื่องยากและต้องพิสูจน์ ต่อเมื่อวันหนึ่งที่ผมได้พิสูจน์ว่าสัมภเวสี “มะ” มีตัวตนจริงผมจึงเริ่มหันหน้าเข้าหาพระธรรม โดยมีอาจารย์แม่ชีใหญ่ เมตตาต่อผมเป็นพิเศษ และผมเชื่อว่ามีคนไม่มากเท่าไหร่ที่ท่านส่งคลิ๊ปมาให้เป็นการส่วนตัว ดึกดื่นเที่ยงคืนกว่าแล้วท่านก็ยังมีเมตตาอ่านกรรมให้ผม แต่จะทราบหรือไม่ ผมไม่เคยเจอองค์จริงของท่านเลย เว้นเสียแต่ “มะ” ที่ไปกราบท่านหลังจากที่ท่านแผ่เมตตามาไกลจากวัดพิชยญาติฯ
ผมขอแนะนำบทสวดและเทคนิคการสวดนะครับ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าสวดแล้วเป็นอย่างไร แต่มีอยู่คืนหนึ่งผมสวดมนต์เสร็จ สัมภเวสี “มะ” ก็มาหาแล้วพูดว่า “ทำไมจิตไม่นิ่ง ต้องนิ่งกว่านี้ ถ้าไม่นิ่งให้อ่านเอาจะดีกว่า เพราะจิตจะไปจับอยู่ที่ตัวอักขระ และบทยากที่สวดติดตะกุกตะกักก็ให้เปลี่ยนไปสวดบทง่าย ๆ เช่น อิติปิโสฯ นี้ดีมาก อย่าเพิ่งสวดบทยาก ต้องตั้งสมาธิให้แน่วแน่” นี่คือคำสอนของวิญญาณที่เขารู้จากสภาพในโลกของเขา ใครสวดมนต์จะมีเสน่ห์ มีแสงในที่มืด คือโลกวิญญาณมันมืดครับ แต่ตัวเราจะมีแสง วิญญาณจะเห็นและปารถนาจะโมทนาบุญด้วย ยิ่งเราเชิญเทวดา นางไม้ เจ้าที่ ฯลฯ มาด้วยแล้วผมบอกได้เลยครับ ระหว่างสวด ที่ห้องนอนผม เตียงจะดังอยู่ด้านหลังอ็อดแอ็ด ๆ เพราะสารพัดบรรดาเทพเทวดาที่ผมเชิญมา ท่านมาโมทนากันตรึม สิ่งนี้แหละครับร้านข้าวมันไก่ที่ผมทำอยู่ได้รับการอุดหนุนจนไม่มีแรงจะทำ เพราะลูกค้าจะมาจอดรถรอกันซื้อกันแต่ของไม่พอขายในแต่ละวัน ถ้าบอกไปใครอยู่บางเสร่น่าจะรู้จักดี เทวดา เจ้าที่ท่านช่วยค้ำจุนอยู่ แต่สิ่งที่ท่านผู้อ่านต้องทำคือการสร้างบุญกุศลในทุกขณะจิตถ้าเป็นไปได้ และนี่แหละคือผลจากการสมาทานศีลห้า รวมถึงการเบิกบุญมาใช้และการใช้คำพูดขอพรให้เป็น ให้ถูกต้อง แล้วคอยอ่านต่อไปครับ (หรือจะตั้งคำถามได้เลยครับ ผมจะตอบให้ได้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ)
10 พ.ค. 2555 แก้ไข เพิ่มเติมข้อมูล >> เมื่อสวดเสร็จแล้วให้กล่าวอุทิศบุญหรือขอพร สำหรับการอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ผมขอกำชับว่า ผู้สวดต้องพูดคำว่า “ขอให้อานิสงค์จากการเจริญภาวนาในครั้งนี้ส่งผลเป็นอโหสิกรรม” มิเช่นนั้นเขารับบุญอย่างเดียวแล้วไม่เลิกจองเวรเราเล่นมัดมือชกซะเลย คราวนี้หนี้กรรมท่านจะได้เบาบางลง ส่วนกรรมตัวไหนจะวิ่งใส่ท่าน ๆ จะมีเกราะแล้วหละครับ แต่สำหรับคนที่ไปกรวดน้ำกับพระ อันนี้ต่างกันถึงเราไม่กล่าวขออโหสิกรรมแต่เราอานิสงส์จะส่งเอง ต่างกันนิดนึงนะครับ แต่ผมว่า กล่าวไว้ทุกครั้งดีกว่า
11 พ.ค. 2555 แก้ไข เพิ่มเติมข้อมูล >> สำหรับอาการในขณะสวดนะครับ โปรดสังเกตุว่า ท่านจะหาว ลมตีขึ้น ขนลุกซู่ มึน ๆ เหนื่อยหอบ ร้อนหนาว วูบวาบไปทั้งตัว หนักบ่าหนักไหล่ และหรืออาการอื่นประกอบอีกหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่สำหรับผมแล้วจะเกิดอาการทั้งหมดที่กล่าวมา อาการเหล่านี้ท่านไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะเป็นอาการปีติหรือเป็นอาการจากผีปู่ ผีย่า บรรพบุรุษของท่านที่ล่วงลับไปเขามาโมทนาบุญครับ ท่านเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เขาจึงสามารถติดต่อกับท่านได้ ไม่ต้องกลัวครับเพราะนี่คือสัญญาณที่ดีที่เราจะทำให้ท่านที่ล่วงลับไปแล้วได้บุญจากเรา ทำแบบนี้ทุกวันพวกเขาได้ทุกวัน แล้วชีวิตมันจะไม่ดีขึ้นได้อย่างไร
27 ก.ค. 2555 แก้ไข เพิ่มเติมข้อมูล >> หลายท่านได้ส่งข้อมูลตอบกลับมาทางเมล์ว่าหลังจากปฏิบัติแล้วก็พบกับชีวิตที่ดีขึ้นหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเกิดอาการปีติอย่างแรงเพราะการสวดบทที่ผมแนะนี้เหมือนไปเปิดจุกก๊อกแล้วพลังบุญที่สั่งสมมาที่ลอยค้างอยู่นานก็หลั่งพลูไหลหลากอย่างสายแม่น้ำ ย่อมเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล บางท่านได้ลาภ บางท่านได้งานทำและอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ทุกคนที่ตอบกลับมาล้วนมีแต่คนที่ตั้งใจจริง ผมเองขอให้ท่านทั้งหลาย “ตั้งใจแน่วแน่” ปฏิบัติไม่เว้นวัน ไม่อ่อนแรง การจะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ไม่ง่ายนะครับ มันจะมีมารมาขัดขวาง ให้เราง่วงบ้าง ให้เราเพลียบ้าง แต่พระพุทธเจ้าท่านสำเร็จมรรคผลได้ก็เพราะท่านมีความเพียร ท่านมีทุกอย่างที่คนอย่างเราก็ไม่ต่างจากท่าน เราต้องมีความเพียรพยายามให้สูง ยิ่งสูง ยิ่งขยัน ยิ่งมีกำลังใจ ท่านยิ่งเข้าใกล้พระนิพพาน อย่าคิดว่าไกลเกินตัวครับ ผมก็เคยคิดตอนนี้ไม่คิดแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ เผยแพร่พระธรรมต่อไปจนกว่าชีวิตจะสิ้นแหละครับ ท่านได้เองไม่ใช่หรือครับ

เมื่อท่านนั่งแล้วห้ามคิดถึงเรื่องอื่นเด็ดขาด จะยุบหนอ พองหนอ จะพุทโธ จะนับเป็นตัวเลขหรือจริตแบบใดทำไปครับ คือผมอยากให้คำเตือนไว้เรื่องหนึ่ง บางคนนั่งแล้ว บอกว่าพอวันรุ่งขึ้น โอ้โห เจอแต่คนอารมณ์เสียใส่ หงุดหงิดใส่ มีแค่เกรี้ยวกราด ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นก็ต้องถามตัวผู้นั่งเองว่า ในระหว่างที่นั่งนั้นได้ส่งจิตไปคิดถึงคนเหล่านั้นบ้างรึเปล่า คำตอบคือตรงนี้แหละครับ บุญนี้ไม่ได้ทำงานอย่างที่เราคิดนะครับ หากเราจะอธิฐานอย่าไปอธิฐานตอนกำลังนั่งวิปัสนา ให้ท่านอธิฐานแผ่เมตตาหลังจากลืมตาแล้วเท่านั้นครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เรา
คิดถึงคนอื่นในระหว่างนั่ง หากเราคิด มันจะยิ่งไปส่งแรงให้เขากลับมาก้าวร้าวกับเรามากขึ้น นี่แหละความสำคัญครับ ดึงกลับมาให้ได้นะครับ

มาต่อด้วยคำอธิฐานเลยจะได้เอาเป็นว่า หมดม้วนกันที่บทความนี้ไปเลย คือว่า จะมีใครสักกี่คนที่ให้ความสำคัญจริง ๆ กับคำอธิฐานท่านรู้กันรึเปล่าครับ ว่าคำอธิฐานนี้ ผมถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็นแบบว่าขาดไม่ได้เลย ที่ผมเห็นท่านทั้งหลายอธิฐานมีแต่ขอหวย ขอโชคลาภ ขอกันเก่งมาก อันนี้ผมไม่ได้ตำหนิเลยนะ แต่ผมกำลังจะบอกว่า “ท่านอธิฐานกันผิดทั้งนั้น” ไปดูสิครับ เวียนเทียนสามรอบขออะไรกัน
ก็ไม่ตรงกับหลักคำสอน มีแต่ขอจากกิเลสทั้งนั้น แต่การไม่รู้แบบนี้ไม่ได้บอกว่าผิด แต่ให้เริ่มต้นใหม่ เอาตัวอย่างนี้ไปเริ่มต้นแล้วพิมพ์เก็บไว้ดูเป็นประจำนะครับ

“ข้าพเจ้า นาย/นาง…. เกิดวันที่ เดือน ปีพ.ศ….. ขอทวยเทพเทวดา โปรดจดจำชื่อของข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้านั้นเป็นผู้ที่มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย เมื่อกระทำการใด ๆ แล้วขอให้ทุกสิ่งประสบความสำเร็จสมดังปารถนา
ข้าพเจ้าขออานิสงค์ผลบุญในการ (ถวายผ้าพระกฐิน ถวายผ้าป่า ต่อน้ำเข้าวัด ฯลฯ….)ครั้งนี้ สำเร็จผลให้บิดามารดา ครูอาจารย์
ของข้าพเจ้า มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนานร้อยปี
ข้าพเจ้าขออานิสงค์ผลบุญนี้ สำเร็จผลแก่สัมมาอาชีพและปัจจัยสี่ (ห้ามขาดนะครับข้อนี้) สำเร็จแก่พระภูมิเจ้าที่ เทพเทวดารักษาตัวของข้าพเจ้า
หากข้าพเจ้าได้เคยกลบฝังทรัพย์สมบัติใด ๆ ไว้ในอดีตชาติไม่ว่าชาติไหนก็ตาม ขออานิสงค์ผลบุญในครั้งนี้ ยังผลให้ขุมทรัพย์นั้นเปิดออก ให้ข้าพเจ้าได้ใช้ทรัพย์นั้นวันนี้ เวลานี้
ข้าพเจ้าขออานิสงค์ผลบุญในครั้งนี้ ส่งผลให้ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรมทุกภพทุกชาติจนกว่าจะถึงพระนิพพาน”

นี่แหละหลัก ๆ ครับ พอผมเขียนแบบนี้ไป จะเห็นว่าผมไม่ให้เจ้ากรรมนายเวร หากใครจะให้ก็ให้บอกว่า จงอย่าจองเวร ให้ผลบุญนี้ส่งผลเป็นอโหสิกรรม ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับตรงนี้เท่าไหร่ เพราะผมเห็นว่าตรงอื่นมีความสำคัญกว่ามาก ทุกวันนี้ผมก็ต้องใช้กรรมกันไปจนกว่าจะหมด ผมเกรงว่าหลายท่านจะอธิฐานผิด บางท่านไปอธิฐานว่า ขออุทิศให้ศัตรูหมู่มาร แบบนี้พังเลยนะครับ ไม่ได้เลยนะ ห้ามอุทิศแบบนี้ครับ เพราะเราไปเผลอพูดคำว่า “ศัตรู” แบบนี้ ถือว่าเรายังคิดว่าเขาเป็นศัตรู แบบนี้จะยิ่งเจอหนักเลยเพราะกำลังเขาจะเยอะขึ้นกลับมาเป็นหอกทิ่มแทงเรามากหนักกว่าเดิม สำหรับการจะให้พวกเจ้ากรรมนายเวร เวลาที่ท่านสัพเพ สัตตา เขาก็ได้แล้วไม่ต้องมาปรุงแต่งอะไรให้มาก เพราะในคำแปล คือสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น มันก็คือมีกรรมดำต่อกัน แบบนี้เขาได้แล้ว เพราะท่านบอกว่า อย่าได้จองเวรเลย บทสัพเพ สัตตา เขาจึงมีเป็นมาตรฐาน ไม่ต้องแปลงเลยครับ แต่เราคิดไม่ถึงงัย เพราะเราไม่ได้มีอาจารย์ที่จะสอนให้เราได้ตลอดทุกอย่าง ทุกวันนี้ผมขวนขวายเอาเอง วิ่งศึกษา แล้วมาแบ่งปันกันให้ทราบ ก็ขอให้ท่านทุกคนมีดวงตาเห็นธรรมกันตั้งแต่ชาตินี้เลยครับ

จากการเปิดกระทู้นี้มาตั้งแต่แรกทำให้มีคนสนใจกันมากเหลือเกิน นี่ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้น เรทติ้งไม่เคยตกเลย เกิดอะไรขึ้น ก็เพราะผมนำเอาความจริงมาเผยแพร่ ความจริงเป็นสิ่งสำคัญครับ เขาจะทำงานเอง เทพเทวดาของผมท่านก็ส่งเสริมให้เว็บนี้มีความขลัง มีหลายอย่างทีเกี่ยวข้องแต่เรามองไม่เห็นครับ คนจำนวนมากผมนับไม่ได้ที่ติดต่อมาแล้วปฏิบัติตามกระทู้นี้ ไม่มีใครไม่ได้ผล ไม่มีใครไม่เปลี่ยน ชีวิตดีขึ้นตามกำลังศรัทธาครับ วันนี้ผ่านมาครึ่งปี ผมไม่อยากเชื่อว่ากระทู้นี้ได้สร้างกระแสของการสวดมนต์ได้อย่างถูกต้อง ผมก็ขออุทิศบุญนี้ให้กับอาจารย์แม่ชีใหญ่ที่เคารพรัก กระทู้ที่ผมเขียนทั้งหมดมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่ท่านหลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อน มันค่อนข้างจะแฟนตาซีสักหน่อย ฟังดูแปลก ๆ นะครับ ก็ในความจริงโลกทิพย์เขาก็แฟนตาซีมิใช่น้อย การเสพ การกิน เพียงรำลึกคิดก็สามารถเสพได้แล้ว และอะไร ๆ ที่มันเกิดขึ้นแล้วดูเหลือเชื่อมันย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้นในโลกทิพย์ ไปร่วมค้นหากันในกระทู้อื่นที่ผมเขียนเรื่อย ๆ ตามประสบการณ์ซึ่งจะมี นนท์คนสำคัญคอยเคียงข้างและบอกเล่าถึงความเป็นทิพย์ที่อยู่รอบกายผมโดยตลอด มาผจญภัยกันต่อในโลกทิพย์นะครับมีอะไรรอท่านอยู่อีกเยอะครับ

ด้วยความเคารพ
ณัฐภูเบศร์ เมธีรัตน์วรากร (หนิง)

About the author

Comments

Leave a Reply

Free Web Hosting